ปี 2011 กำไรมากที่สุดในโลก $41,000 ล้าน
ปี 2011 กำไร $26,000 ล้าน ปตท กำไร ปี2011 $3,500 ล้าน
กำไร มากน้อย ( หรือ ขาดทุน) ดังนั้น รายงานที่ ผู้บริหาร ( และผู้ถือหุ้น ) ทุกๆงวด ใจจดจ่อคือ
รายงาน งบกำไรขาดทุน Income Statement หรือ Profit and loss statement (P&L) ปัจจุบันเรียกชื่อใหม่ว่า
งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ มากจาก ภาคภาษาอังกฤษว่า Statement of Comprehensive Income
–
แสดง จำนวนรายได้ในรอบระยะเวลา
–
ต้นทุนสินค้าและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการได้รับรายได้
–
บรรทัดสุดท้าย แสดง ผลกำไรสุทธิ หรือ ผลขาดทุน
จากกำไรสุทธิ ก็จ่ายคืนผู้ถือหุ้น เป็น เงินปันผล Divident หรือ เก็บไว้ เป็นทุน ไว้ก่อน
Retained Earnings เพื่อ.ใช้ การการขยายกิจการ หรือ เก็บไว้ วันหลังจ่าย คืนผู้ถือหุ้น เป็นเงินปันผลก็ได้
ประเภท รายได้ ขึ้นอยู่กับ ธุรกิจ
–
ขายสินค้า ผู้ผลิต หรือ
ผู้ค้าขายสินค้า
–
การให้บริการ ผู้ประกอบการบริการ แพทย์
ที่ปรึกษา ทนายความ
–
ดอกเบี้ย ธนาคารพานิชย์ สถาบันการเงิน
–
ค่าธรรมเนียม บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทนายหน้า
วิธีการรับรู้รายได้ของธุรกิจ
•
Cash
Basis เกณท์เงินสด
รับรู้ เป็น รายได้ ( และ รายจ่าย ) เมื่อได้รับ
เงินสด หรือ ได้จ่าย เงินสด
Accrual Basis เกณท์คงค้าง- บริษัททั่วไป
ธุรกิจทั่วไป ( เกือบทั้งหมด )
รับรู้เป็นรายได้ หรือ รายจ่าย เมื่อ
เกิดขึ้น Accrue
•
รายได้และค่าใช้จ่ายไม่ได้บันทึก
ณ จุดที่รับหรือจ่ายเงินเสมอไป
แต่จะรับรู้เมื่อ “เกิดขึ้น”
•
ผลคือ รายได้และค่าใช้จ่าย ไม่ใช่ตัวสะท้อนกระแสเงินสด
•
มาตรฐานการบัญชี
แนะนำให้ธุรกิจใช้ Accrual
Basis ไม่ควรใช้ Cash Basis
•
สรรพากร เดิมไม่รับ Accrual
Basis ปัจจุบันรับ
เรียก เกณท์สิทธิ
Expenses ประเภท รายจ่าย ก็ ขึ้นอยู่กับ ประเภท ธุรกิจ
•
Cost of Sales ต้นทุนสินค้า
ผู้ผลิต ผู้ค้าขายสินค้า
•
Wages ค่าแรงงาน เงินเดือน บริษัททั่วๆไป
•
Interest (on loans) ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม
บริษัทที่กู้ยืมเงิน มากๆ ผู้ผลิต
•
Rent (for office and store space) ค่าเช่า ที่ทำการ โรงงาน
•
Taxes ภาษีเงินได้
กรณีมีกำไร
หลักการสำคัญอีกประการ ทางบัญชี
กำไรขาดทุน
Matching Principle หลักการ จับคู่
•
หลักการรับรู้รายจ่ายให้
จับคู่กับรายได้
•
หลักการที่ว่า
ความพยายาม ( ค่าใช้จ่าย ) ควร จับคู่กับ ความสำเร็จ
( รายได้ )
•
เครื่องจักร
โรงงาน ก่อให้เกิดรายได้ หลายๆปี Matching ค่าใช้จ่ายกับรายได้ ทะยอยตัดเป็นค่าใช้จ่าย ( ค่าเสื่อมราคา Depreciation ) ตามอายุใช้งาน ( ระยะเวลาใช้หารายได้ ) เช่น
เครื่องจักร ใช้งาน( หารายได้)ได้ 10ปี ก็ทะยอยตัดราคาเตรื่องจักร ((depreciationค่าเสื่อมราคา )10 ปี รถยนต์บริษัท ใช้ประโยชน์ ให้บริษัทได้ 5 ปี ก็ตัดค่าเสื่อม
เป็นค่าใช้จ่าย 5 ปี เครื่องจักรที่ ใช้งานหาประโยชน์ ได้ 20 ปี ก็ตัดค่าใช้จ่าย 20 ปี matching กันไปตามหลักการและข้อเท็จจริง
No comments:
Post a Comment